5 ประเภทของบ้าน และข้อเด่น ข้อด้อยของบ้านแต่ละประเภท

4 ประเภทบ้านที่อยู่อาศัย

5 ประเภทบ้าน และข้อเด่น ข้อด้อยของบ้านแต่ละประเภท

4 ประเภทบ้านที่อยู่อาศัย
รูปตัวอย่างประเภทบ้านที่อยู่อาศัย

ก่อนที่จะเลือกซื้อบ้านหรือสร้างบ้าน ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์หรือทาวน์โฮม หรือแม้กระทั่งคอนโดมิเนี่ยม สิ่งแรกๆที่เราต้องนำมาประอบการพิจารณาหรือตัดสินใจนั้น จะต้องศึกษาถึงลักษณะของที่อยู่อาศัยประเภทต่างๆ มีข้อเด่น ข้อด้อยเป็นอย่างไร เราจะซื้อหรือสร้างบ้านแบบไหน ซึ่งแต่ละ ประเภทบ้าน หรือประเภทของที่อยู่อาศัย ก็จะมีข้อแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งการแบ่งประเภทของบ้านหรือที่อยู่อาศัยนั้น ก็จะแบ่งตามตำรา หรือแบ่งตามการเล่นคำ หรือเพื่อภาษาด้านการตลาด เพื่อต้องการความแตกต่างของโครงการ ได้หลากหลายแบบมากๆ แต่ของเราจะแบ่งตามที่เราๆใช้งานกันจริงๆ ไม่มีศัพท์เทคนิค ให้งงกันแน่นอน

ประเภทที่ 1 บ้านเดี่ยว

ตัวอย่างบ้านเดี่ยว
ตัวอย่างบ้านเดี่ยว

บ้านเดี่ยว หมายถึง บ้านที่ไม่มีผนังส่วนใดติดกับบ้านหลังอื่นเลย หรือจะมีพื้นที่ว่างรอบตัวบ้าน โดยปกติมักจะล้อมรัวรอบบ้าน มักมีพื้นที่มากกว่า 50 ตารางวา ขึ้นไป ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง และยังแสดงถึงความเป็นผู้มีฐานะในระดับหนึ่ง บ้านเดี่ยวมีหลายแบบ หลายราคา มีหลายขนาด บ้านสองชั้น บ้านสามชั้น บ้านชั้นเดียว เป็นบ้านที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด เพราะมีความเป็นส่วนตัวมีพื้นที่ส่วนตัวรอบบ้าน สามารถตกแต่งต่อเติมให้สวยงามได้ตามความต้องการ เช่น ปลูกต้นไม้ ไม้ประดับ ทำเป็นที่จอดรถ สระว่ายน้ำ บ่อปลา ส่วนหย่อม เป็นต้น แต่ก็จะมีราคาสูงที่สุดจากทุกประเภทในทำเลใกล้เคียง หรือโครงการหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งบ้านเดี่ยวจะเหมาะกับคู่รัก ครอบครัวขนาดเล็ก หรือครอบครัวขนาดใหญ่

ข้อเด่นของบ้านเดี่ยว

  1. มีความเป็นส่วนตัวสูง สามารถสร้างรั้วเพื่อกั้นอาณาเขตให้เป็นสัดส่วนทำให้คุณกับเพื่อนบ้านนั้นดู ห่างเหินกัน แต่ในข้อนี้นั้นสามารถแก้ไขได้ง่ายๆด้วยตัวของคุณ มีพื้นที่ที่เป็นส่วนตัวในบ้านของตัวเอง เพราะไม่ได้มีผนัง ติดกันใคร มีพื้นที่นอกบ้านกว้าง
  2. มีความเงียบสงบ ไม่มีเสียงอึกทึกพลุกพล่านจากถนนและเสียงการจราจร อากาศบริสุทธิ์ปราศจากควันพิษ
  3. สามารถมีพื้นที่ไว้จัดสวน ปลูกต้นไม้ ผลไม้ไว้กินได้ เช่นมะม่วง ชมพู่หรือปลูกผักสวนครัว ผักกินได้ เช่น กระเพรา พริก มะเขือได้อีกด้วย
  4. มีพื้นที่วิ่งเล่นสำหรับเด็กและยังมีพื้นที่สำหรับให้สัตว์เลี้ยงวิ่งเล่นอีกด้วย
  5. มีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมกลางแจ้งภายในครัวเรือนจัดปาร์ตี้ งานวันเกิด งานปีใหม่ มีที่พอสำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ
  6. มีพื้นที่ไว้สำหรับจอดรถยนต์ ได้หลายคันไม่ต้องจอดหน้าบ้านให้กลัวรถเฉี่ยวหรือโดนขโมย

ข้อด้อยของบ้านเดี่ยว

  1. ราคาแพง ต้องมีงบประมาณ เนื่องจากเนื้อที่กว้าง ผนังไม่ได้ติดใครเหมือนทาวน์เฮ้าส์
  2. บางที่สร้างบ้านใหญ่บนที่เล็ก ตัวบ้านชิดรั้ว ชอบต่อเติมกันทั้งด้านข้างกะท้ายบ้าน ท้ายสุดผนังบ้านก็เกือบชิดกัน ดูอึดอัดและอาจเสียความเป็นส่วนตัว
  3. ง่ายต่อการขโมยเพราะอยู่เดี่ยวๆ ไม่มีคนเห็น ไม่มีเพื่อนบ้านคอยสอดส่อง
  4. บ้านเดี่ยวที่มีสนามหญ้า ต้องมีการดูแลสนามหญ้ากับสวนรอบบ้าน ตัดหญ้าสม่ำเสมอ ต้องเสียค่าใช้จ่ายดูแลสวน จัดสวน ถ้าไม่สวนเทปูนพื้นรอบบ้าน จะทำให้บ้านร้อนเพราะคอนกรีตสะสมความร้อนจากแสดงแดดตอนกลางวัน จะช่วยเพิ่มความร้อนรอบบ้านเข้าไปอีก

ประเภทที่ 2 บ้านแฝด

ตัวอย่างบ้านแฝด
ตัวอย่างบ้านแฝด

บ้านแฝด หมายถึง บ้านที่มีผนัง หรือส่วนใดส่วนหนึ่ง ด้านใดด้านหนึ่งที่ติดกับบ้านอีกหลังหรือส่วนอื่นที่ติดกัน และจะมีพื้นที่ว่างสำหรับใช้สอยไม่ติดกับใครอยู่อีกด้านหนึ่งหากมีรั้วล้อมไว้ ดูจากภายนอกจะเหมือนมีบ้าน 2 หลังอยู่ในรั้วเดียวกัน เพราะผนังของบ้านทั้ง 2 หลังนั้นจะติดกัน และอีกฝั่งผนังไม่ติดใคร บางโครงการสมัยก่อน จะทำบ้านแฝดมีลักษณะคล้ายเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ แล้วแบ่งครึ่ง เป็น บ้านแฝด 2 หลัง แล้วกั้นรั้วระหว่างกัน แต่ก็มีโครงการใหม่ๆ ได้ออกแบบให้บ้านแฝดมีลักษณะ ใกล้เคียงกับบ้านเดียว คือ ผนังด้านที่ติดกับหลังอื่น เชื่อมติดกันเพียงบางส่วนเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น เช่น ผนังติดกันเฉพาะห้องครัว ผนังติดกันเฉพาะห้องเก็บของ เป็นต้น บ้านแฝด โดยปกติ มักจะมีพื้นที่บ้านโดยประมาณ 35-45 ตารางวา ซึ่งบ้านแฝดจะเหมาะกับคู่รัก ครอบครัวขนาดเล็ก หรือครอบครัวขนาดใหญ่

ข้อเด่นของบ้านแฝด

  1. บ้านแฝดดีกว่าทาวเฮาส์ตรงที่มักจะมีสวนเล็ก ๆ ข้างใดข้างหนึ่งของบ้าน โปร่งกว่าทาวน์เฮ้าส์ เพาะไม่ได้ถูกขนาบทั้งสองข้างแค่ข้างใดข้างหนึ่ง
  2. ถ้าได้เพื่อนบ้านที่ดี ก็ทำให้เรามีเพื่อนบ้าน คอยเป็นหูเป็นตาดูแลบ้านให้เราเวลาเราไม่อยู่ มีเรื่องก็ช่วยเหลือกัน
  3. ราคาถูกกว่าบ้านเดี่ยว แต่แล้วแต่ทำเลด้วย

ข้อด้อยของบ้านแฝด

  1. บ้านแฝด กำแพงด้านหนึ่งใช่ร่วมกันกับเพื่อนบ้าน แต่ต้องใช้กำแพงร่วมกับข้างบ้าน ทำอะไร หรือส่งเสียงดังเราก็ได้ยินหมด
  2. ความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าบ้านเดี่ยว
  3. ถ้าโชคร้ายได้เพื่อนบ้านไม่ดี เสียงดัง ปาร์ตี้ทำให้เราได้รับความเดือนร้อน

ประเภทที่ 3 ทาวน์เฮ้าส์หรือทาวน์โฮม

ตัวอย่างทาวน์เฮ้าส์
ตัวอย่างทาวน์เฮ้าส์

ทาวน์เฮ้าส์หรือทาวน์โฮม หมายถึง บ้านที่มีผนังทั้ง 2 ด้านจะดิตกับบ้านหลังอื่น ราคาจะถูกกว่า 2 ประเภทแรก มักจะมีพื้นที่ น้อยกว่า 35 ตารางวา ยกเว้นบ้านหลังมุมที่จะมี 1 ด้านที่ไม่ติดกับบ้านหลังอื่นๆ หากมีรั้ว ส่วนที่เป็นรั้วมักจะเป็นรั้วปิดแค่หน้าบ้านเท่านั้น โดยทาวน์เฮ้าส์และทาวน์โฮมทั้งสองชื่อนี้ มีความหมายและเป็นที่อยู่อาศัยประเภทเดียวกัน หากแต่จะเรียกใช้กันตามความถนัดและความคุ้นเคย ที่อยู่อาศัยประเภทนี้จะเหมาะกับการอยู่คนเดียว คู่รัก ครอบครัวขนาดเล็ก

ข้อเด่นของทาวน์เฮ้าส์/ทาวน์โฮม

  1. ทาวเฮาส์มีราคาถูกเมื่อเที่ยบกับบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด แต่ก็แล้วแต่ทำเล
  2. สามารถที่จะดัดแปลงที่พักอาศัยให้เป็นลักษณะของกึ่งบ้านพัก อาศัยกึ่งที่ทำงานได้ด้วย
  3. หากมีเพื่อนบ้านที่ดินแล้ว ย่อมพึ่งพาอาศัยกันได้เป็นอย่างดี ไม่เหงามีเพื่อนบ้านช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลบ้านให้เรา เพราะบ้านอยู่ติดกัน
  4. พื้นที่ใช้สอยในบ้านเยอะกว่า เมื่อเทียบสัดส่วนขนาดของที่ดิน กับ พื้นที่ใช้สอยในบ้าน เนื่องจากบ้านเดี่ยวต้องเหลือพื้นที่ไว้สำหรับรอบๆบ้าน
  5. ราคาทาวน์เฮ้าส์ในทำเลเดียวกัน จะมีราคาต่ำกว่า อันเนื่องมาจากขนาดของที่ดิน และความนิยมของผู้บริโภค
  6. การดูแลรักษาทาวน์เฮ้าส์จะง่ายกว่า เนื่องจากขนาดที่เล็กกว่า ถ้าคุณไม่มีคนรับใช้ คุณอาจชอบใจเมื่อทำความสะอาดบ้านที่เล็กลง ไม่ต้องดูแลสวน

ข้อด้อยของทาวน์เฮ้าส์/ทาวน์โฮม

  1. พื้นที่ใช้งานน้อยกว่า บ้านเดี่ยว แคบ อึดอัด การแชร์ผนังกับเพื่อนบ้าน หลังคาบางครั้งก็แชร์กันด้วย เวลารั่วอาจซึมมาจากข้างบ้าน
  2. อาจมีปัญหากระทบกระทั่งกับเพื่อนบ้านได้ง่าย เพราะมีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าการอยู่บ้านเดี่ยว เช่น จอดรถหน้าบ้านคน, ตากผ้าหน้าบ้านคน, ทิ้งขยะบ้านคนอื่น
  3. ปัญหาเรื่องที่จอดรถ มักมีที่จอดรถจำกัด หรืออาจไม่มีเลย ต้องจอดถนนหน้าบ้าน จึงทำให้ไม่ปลอดภัยรถอาจหาร หรือโดยเฉี่ยว หรือก่อให้เกิดความไม่พอใจระหว่างเพื่อน

ประเภทที่ 4 คอนโดมิเนี่ยมหรืออาคารชุด

ตัวอย่างคอนโด
ตัวอย่างคอนโด

คอนโดมิเนี่ยมหรืออาคารชุด หมายถึง อาคารที่มีลักษณะเป็นตึกสูงหลายชั้น แบ่งเป็นหลายๆห้อง แต่ละห้องจะเรียกติดปากว่า 1 ยูนิต เปรียบเสมือน บ้าน 1 หลัง ซึ่ง 1 ยูนิตนั้น มันจะประกอบด้วย ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องรับแขก ส่วนห้องครัว พื้นที่ซักล้าง และระเบียง โดยอาคารหรือคอนโดจะแบ่งเป็นห้องๆ มีหลายชั้น สร้างขึ้นมาสำหรับขายห้องจึงติดกันในแต่ละชั้นมีด้วยกันหลายห้อง คอนโดมีหลายชั้น หลายตำแหน่งทำให้สามารถเห็นวิวต่างกัน ทิศทางลม หรือแสงแดดก็ต่างกัน ทำให้คอนโดมีหลายราคา ขนาดก็ต่างกัน จำนวนห้องนอน ห้องน้ำก็แตกต่างกันไป ซึ่งบางโครงการอาจทำเป็น 2 ชั้น ลักษณะภายในคล้ายเป็นบ้าน 2 ชั้น พื้นที่จะคิดตาม พื้นที่ใช้สอย (ตารางเมตร) คอนโดมิเนียม มักจะตั้งอยู่ที่เมืองใหญ่ ใจกลางเมือง ทำเลท๊อปฮิต แหล่งงาน แหล่งรวมความเจริญต่างๆ จุดที่มีประชากรหนาแน่น เดินทางสะดวก เช่น ใกล้ห้างสรรพสินค้า ใกล้จุดที่การเดินทางคมนาคมที่สะดวกสบาย อย่าง BTS MRT SRT เป็นต้น สำหรับที่อยู่อาศัยประเภทนี้จะเหมาะกับการอยู่คนเดียว คู่รัก

ข้อเด่นของคอนโดมิเนี่ยมหรืออาคารชุด

  1. คอนโดมิเนียม จะได้ทำเลที่การคมนาคมสะดวกกว่าบ้านเดี่ยวหรือทาวเฮ้าส์ ทำให้ประหยัดเวลาในการเดินทาง ได้มีเวลาเหลืออยู่กับครอบครัวมากขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายค่าน้ำมัน ค่า บำรุงรักษา ค่าที่จอดรถ
  2. คอนโดมิเนียมมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่าได้แก่ สระว่ายน้ำ สวนพักผ่อน ห้องออกกำลังกาย ห้องซาวน่า
  3. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ถูกขโมยน้อยกว่าเนี่ยงจากมีระบบรักษาความปลอดภัยดี ยามรักษาความปลอดภัยเดินตรวจตรา 24 ชั่วโมง มีกล้องวงจรปิดคอยบันทึกการเข้าออกทั้งใน lobby และในลิฟท์ การเข้าออกอาคารต้องแลกบัตรและใช้ Key card ทำให้ยากต่อการบุกรุก

ข้อด้อยของคอนโดมิเนี่ยมหรืออาคารชุด

  1. คอนโดมีปัญหาอึดอัดและที่จอดรถน้อย
  2. คอนโดมีแต่เสียงจราจรเป่านกหวีดปริ๊ดๆ ได้แต่กลิ่นท่อไอเสียและท่อระบายน้ำ
  3. ต้องเสียค่าส่วนกลางในการดูแลความสะอาด ค่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
  4. หากเกิดไฟ้ใหม้มีความเสียหายสูงดังนั้นคอนโดต้องมีระบบป้องกันอัคคีภัย มีการซ้อมหนีไฟอยู่เป็นประจำทุกปี
  5. ไม่สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยง หมา และแมวได้ คอนโดมักออกกฎห้ามเลี้ยง

ประเภทที่ 5 โฮมออฟฟิศ

ตัวอย่างโฮมออฟฟิศ
ตัวอย่างโฮมออฟฟิศ

โฮมออฟฟิศ หมายถึง ที่พักอาศัยที่มีลักษณะคล้ายทาวน์โฮม ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารมี 3-4 ชั้น โดยบริเวณชั้น 1-2 มักทำเป็นออฟฟิศสำนักงาน โดยทั่วไปมักจะเรียกว่า สำนักงานกึ่งที่พัก มีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วน ให้เหมาะสำหรับการทำงานอย่างชัดเจน โดยไม่ต้องมาทำปรับเปลี่ยนในภายหลังเหมือนทาวน์โฮม และมีพื้นที่ในการจอดรถได้กว้างขวาง สามารถจอดได้หลายคัน เหมาะสำหรับการประกอบการที่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง เช่น Startups, SMEs ซึ่งส่วนใหญ่จะมีพนักงานไม่กี่คน บรรยากาศเป็นกันเองสบายๆ คล้ายบ้านเป็นได้ทั้งที่อยู่อาศัยและออฟฟิศในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ การทำงานในโฮมออฟฟิศยังให้บรรยากาศที่สบาย เป็นกันเอง แถมสามารถตกแต่งให้สวยงามตามใจชอบได้อีกด้วย

ข้อเด่นของโฮมออฟฟิศ

  1. ใช้เป็นที่อยู่และที่ทำงานไปในตัว ทำให้ไม่ต้องเสียเงินสองต่อในการเช่าหรือซื้อทั้งที่อยู่อาศัยและออฟฟิศ และไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปกลับออฟฟิศ
  2. จอดรถสะดวก มีพื้นที่ในการจอดรถได้กว้างขวาง สามารถจอดได้หลายคัน
  3. ลดต้นทุนเรื่องค่าส่วนกลางอาคารสำนักงาน เช่น ลิฟต์ ห้องน้ำส่วนกลาง ค่าจ้างแม่บ้านทำความสะอาด เป็นต้น
  4. พนักงานใช้ของส่วนกลางของโฮมออฟฟิศได้ เช่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ พนักงานสามารถไปใช้งานได้
  5. ลดต้นทุนที่ต้องจ่ายทั้งที่บ้านและออฟฟิศ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ อย่างค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้อยู่แล้ว
  6. บรรยากาศผ่อนคลาย สบายๆ เป็นกันเอง พนักงานจะรู้สึกเหมือนได้ทำงานอยู่บ้าน
  7. ยืดหยุ่นในเรื่องของการแต่งตัว

ข้อด้อยของโฮมออฟฟิศ

  1. ความน่าเชื่อถือ โดยภาพลักษณ์ของโฮมออฟฟิศ มักเป็นทางการน้อยกว่าออฟฟิศที่เป็นอาคารสำนักงาน
  2. ทำเลมักอยู่ชานเมือง เนื่องจากที่ดินมีราคาที่ถูกกว่า ทำให้เดินทางลำบากกว่า
  3. ต้องลงทุนก้อนใหญ่เกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์สำนักงาน

บทสรุป

ในการที่จะตัดสินใจเลือกซื้อบ้านที่อยู่อาศัย คอนโด หรือทาวน์เฮ้าส์ แต่ละประเภทก็จะมีข้อเด่น ข้อด้อยที่แตกต่างกันไป หากชอบความสะดวกสบาย การอยู่คอนโดมิเนียมน่าจะเหมาะสมกว่า แต่หากอยากมีความเป็นส่วนตัว รักสงบ รัก รักสวนต้นไม้ ซื้อบ้านเดี่ยวอยู่จะเหมาะกว่า แต่หากมีงบน้อยก็สามารถเลือกซื้อบ้านแฝด หรือทาวน์เฮ้าส์ที่มีราคาถูกกว่าได้